Tourism Industry Dpu002

รูปภาพของฉัน
เลขทะเบียน 530105030098 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม

วัดเทพประธานอธิพร


ศาลตรงนี้ร่มรื่นมาก มากค่ะ


ทางเดินลงซึ่งตั้งอยู่บริเวณข้างศาล


คล้ายกับพระแม่ธรณีบิดมวยผม


ธรรมจักรหน้าวิหารหลวงพ่อใหญ่


กลองและหอระฆัง จะมีการตีกลอง 3 ลาด้วยในตอน 17.00 น


กุฎิพระสงฆ์ เป็นไม้ร่มรื่นมาก มาก


หลวงพ่อใหญ่ซึ่งอยู่ในพระวิหาร


กุฏิพระสงฆ์ส่วนใหญ่จะอยู่ริมบริเวณเนินเขา เป็นทางลงเขาลงไป


บริเวณศาลาจะมีพระพุทธรูปให้กราบไหว้บูชา


ห้องน้ำสำหรับเด็ก ๆ ที่จะมาอบรม ณ วัดเทพประทาน สะอาดและสวยงาม


สวนลองกองที่อยู่ติดบริเวณวัด เวลาทำบัญก็ไม่ต้องไปซื้อผลไม้


ถ่ายจากบนอาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกรียติ


วัดเทพประทานอธิพร
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ ณ ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ประวัติย่อ สถานที่ตั้งวัดเทพประทานปัจจุบันเดิมเป็นป่าไม้รกร้างว่างเปล่าอยู่ในความดูแลของสหกรณ์โป่งน้ำร้อนต่อมาสหกรณ์ได้จัดสรรพื้นที่ป่าเป็นที่ทำกินให้แก่ประชาชาผู้อยากไร้จึงได้มีอพยพมาจากที่ต่างๆหลายจังหวัดส่วนมากจะเป็นผู้อพยพจากภาคอีสาน ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์น้อยกว่า ประมาณปี พ.ศ. 2515 นายเจริญ มาศจันทร์ อาชีพเป็นครู อพยพ มาจากจังหวัดร้อยเอ็ดได้มาบุกเบิกพื้นที่ทำสวนผลไม้และได้ครอบครองที่ดินประมาณ100ไร่ นายเจริญเป็นคนมีความรู้จึงได้แบ่งที่ราบเนินเขาเป็นที่ริมถนนเนื้อที่ประมาณ18ไร่ให้สร้างเป็นสำนักสงฆ์โพนสวรรค์ต่อมาพระบุญช่วยซึ่งได้มาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ได้รวบรวมทุนจากชาวบ้านบริจาคซื้อที่ดินติดกันเพิ่มอีก10ไร่สำนักสงฆ์จึงมีเนื้อที่ 28 ไร่บริเวณสำนักสงฆ์เป็นป่าโดยธรรมชาติ เป็นสถานที่ สัปปายะ เงียบสงบ ด้านหน้าเป็นทางเดินด้านหลังมีลำห้วยน้ำไหลจากเขาสอยดาว ผ่านไปลงในแม่น้ำบางประกง พื้นที่จึงมีน้ำอุดมสมบูรณ์จึงมีประชาชนมาจับจองพื้นที่รอบสำนักสงฆ์ทำไร่และทำสวนผลไม้เป็นจำนวนมากทำให้เกิดหมู่บ้านของผู้มาตั้งรกรากใหม่สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัว และ ก่อสร้างสาธารณกิจได้ สำนักสงฆ์โนนสุวรรณได้มีพระภิกษุแวะมาพำนักและจำพรรษาชั่วคราวบ้างประจำบ้างหลายรูป ต่อมาหลวงปู่ ปิยะ(หลวงพ่อเณร)ซึ่งผู้คนมีความศรัทธามากได้มาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ ตามปกติการเดินทางสมัยนั้นยังไม่สะดวกโดยเฉพาะหน้าฝนหากฝนตกหนักน้ำป่าไหลป่าถนนถูกตัดขาดการเดินลำบากมากเมื่อหลวงปู่ปิยะ มาจำพรราที่นี่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมแรงกันจัดสร้างศาลานี้เสร็จไดในวันเดียว ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์หลวงปู่ปิยะพำนักที่นี้ไม่นานเนื่องจากสถานที่ไม่สะดวกและลำบากสำหรับผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมท่านจึงย้ายไปสร้างวัดใหม่ที่จังหวัดสกลนครสำนักสงฆ์โนนสวรรค์ ได้มีพระภิกษุสายปฎิบัติ มาจำพรรษาอยู่หลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่พรหมมาซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตได้เดินทางมาทำกิจพระพุทธศาสนาอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนย้ายไปอยู่วัด ศิริพงศ์ เขตมีนบุรีกรุงเทพ ต่อจากนั้นมีพระบรรจบ มาอยู่จำพรรษาและเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปในวิหารบนเนินเขาซึ่งได้สร้างความเคารพ นับถือ ความเชื่อมั่นและจิตศรัทธาต่อชาวบ้านเป็นอย่างมาก ชาวบ้านตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า หลวงพ่อใหญ่ เป็นที่เคารพของผู้คนทำให้มีผู้มาเข้าวัดมากขึ้นแหล่งน้ำสมบูรณ์สะดวกในการดำเนินชีวิตแบบสมนะ ลำห้วยซึ่งน้ำไหลมาจากเข้าสอยดาวลงสู่แม่น้ำบางประกงดังกล่าวมาแล้วนั้นสายน้ำไหลย้อนทิศทางซึ่งตามความเชื่อโบราณถือเป็นสิริมงคล เป็นบริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับหลวงพ่อใหญ่ที่ประดิษฐานในวิหาร มีความสำคัญทางจิตใจในการปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นที่ร่ำลือว่าผู้ที่มาปฏิบัติธรรมมักจะแว่วเสียงพระสวดมนต์ดังออกมาจากวิหารเป็นประจำซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนักชาวบ้านพูดกันว่า เมื่อทางสำนักสงฆ์มีปัญหาเรื่องใดๆหลวงพ่อใหญ่จะมาเข้านิมิตบอกพระ หรือโยมในสำนักสงฆ์แล้วปัญหานั้นๆก็จะได้รับการแก้ไขด้วยดี สำหรับพระอาจารย์ธาตุ อธิปัญโญ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เดิมเป็นพระจากภาคอีสาน ออกบวชตั้งแต่อายุ19ปี ได้เดินทางหาครูบาอาจารย์จนได้พบกับหลวงปู่หลง สำนักสงฆ์ตำบลหนองแว้ง อำเภอหนองเรือ จังหวัดข่อนแก่น ได้สมัคร เป็นลูกศิษย์ และเดินตามแบบอย่างหลวงปู่หลง ซึ่งเป็นพระที่ยินดีในความสงบวิเวก ปลีกตัวอยู่เพียง ผู้เดียวไม่คุกคลีกับหมู่คณะท่านจำพรรษาอยู่กับปู่หลงได้3พรรษาจนกระทั่งหลวงปู่หลงมรณภาพจึงได้ออกธุดงค์ไปภาคเหนือ และภาคอีสาน หลายจังหวัด เช่น บนยอดเขาภูกระดึง จังหวัดเลยโดยเน้นการปฏิบัติ สมาธิภาวนาและการแก้ไขจิตไจเป็นสำคัญปีพ.ศ.2529 พระอาจารย์ธาตุ เดินทางธุดงค์มาที่สำนักสงฆ์โนนสวรรค์แห่งนี้ ทั้งนี้โดยได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่พรหมมา ซึ่งเคยจำพรรษาที่นี้มาก่อนว่าเป็นสถานที่สัปปายะ มีความสงบ ธรรมชาติร่มรื่นมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ หลวงปู่พรหมมาบอกว่า ในวันข้างหน้าจะทำกิจพระพุทธศาสนาได้ดี พระอาจารย์ธาตุจึงได้มาจำพรรษาอยู่ประจำ มีพระภิกษุ แม่ชี ญาติโยมอยู่ประจำที่วัดประมาณ19 รูป/คน และได้ เปลี่ยนชื่อจากสำนักโนนสวรรค์ตั้งเป็นวัดชื่อวัดเทพประธาน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายอย่างถูกต้อง เมื่อวันที่7 ก.ค. พ.ศ. 2543 โดยมีพระอาจารย์ธาตุ อธิปัญโญ เป็นเจ้าอาวาสและได้ซื่อดินติดกันรวม58ไร่เนื่องจากมีผู้มาปฏิบัติธรรมที่วัดเทพประธานสม่ำเสมอ พระอาจารย์ธาตุจึงได้จัดโครงการอบรมคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติธรรมให้แก่นักเรียนนักศึกษาของสถาบันต่างๆซึ่งได้มีผู้มาปฏิบัติธรรมจำนวนมากและสม่ำเสมอตลอดปี ปีพ.ศ.2544คุณสมควร เทพสิทธา รองประธานมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าในพระบรมราชินูปถัมภ์และประธานสภายุวพุทธสมาคมแห่งชาติในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำนักศึกษามาปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์จึงได้มีโครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลป์ยาณิวัฒนากมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์บนพื้นที่ภายในบริเวณวัดเทพประทานแห่งนี้อนุสรณ์สถิตแห่งความจงรักภักดีและสำนึกในพระกรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลป์ยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลป์ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงเป็นองค์ประธานก่อตั้งและองค์ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ และเมื่อครั้งทรงดำรงพระชนชีพ ได้ทรงหระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระอนุญาต ให้มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชน และกระทรวงมหาดไทย จัดสร้างอาคารปฏิบัติธรรม ณ วัดเทพประทาน อำเภอ สอยดาว จังหวัดจันทบุรี พร้อมได้ให้พระราชทานชื่ออาคารว่า อาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ7รอบ 84พรรษา ปีพ.ศ.2550สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลป์ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์


กด Play เพื่อเล่นวีดีโอ


กด Play เพื่อเล่นวีดีโอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น